www.narongthai.com  

www.narongthai.com เป็นเว็บไซต์เชิงวิชาการ ที่สามารถนำอ้างอิงได้ตามหลักวิชาการ                                                                                                                                                                                                                                                                           
 

 ณรงค์ ชื่นนิรันดร์
https://www.facebook.com/profile.php?id=100010475651732
สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง

 

 

 

 

 

 

 สถิติวันนี้ 15 คน
 สถิติเมื่อวาน 47 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
2401 คน
14225 คน
1706669 คน
เริ่มเมื่อ 2010-01-13

 
ชีวิตนักข่าว...ตอนไปเอาซี 8
ณรงค์  ชื่นนิรันดร์
5 เมษายน 2551
 
ระหว่างปี 2540-2546 ผมทำงานเป็นผู้สื่อข่าวระดับ 7 อยู่ที่ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยตะกั่วป่า ตั้งอยู่ข้างโรงพยาบาลตะกั่วป่า ริมถนนเพชรเกษม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นช่วงชีวิตที่มีความสงบสนุก เรียบง่าย อากาศดีมาก เวลานอนต้องปิดประตูหน้าต่าง แต่เพื่อให้อากาศพอเพียงต่อการหายใจ จึงต้องแง้มหน้าต่างประมาณว่าให้อากาศถ่ายเทได้เท่านั้น เพราะอากาศข้างนอกเย็น เพราะเกิดจากฝนจะตกเป็นประจำจึงทำให้อากาศเย็นสบาย 
 
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546 ทางกรมประชาสัมพันธ์ มีประกาศว่าใครต้องการที่จะสมัครเลื่อนระดับขึ้นเป็นผู้สื่อข่าว 8 ว. ก็ขอให้สมัคร ผมเองไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะคิดว่า เราทำงานอยู่บ้านนอก ในสถานีวิทยุระดับอำเภอ   แต่ก็ได้รับคำแนะนำจากคุณวินัย พิมพ์ศร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุ ฯ ให้ลองสมัครดู เผื่อว่าจะได้ และผมก็คิดว่าไม่ได้หรอก จึงให้เทอดพันธ์ เจ้าหน้าที่ธุรการ เป็นคนจัดการเรื่องใบสมัครให้ เพราะตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมไม่สบาย มีอาการปวดท้องอยู่ตลอดเวลา ปวดมากจนผมทนไม่ไหว และไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไร วันที่ 1 มีนาคม 2546 ผมจึงได้ร้องขออนุญาต คุณวินัย ให้คนขับรถพาไปส่งโรงพยาบาลมิชชั่นที่ภูเก็ต     เพราะผมปวดท้องมาก เหมือนมีเตาถ่านร้อน ๆ อยู่ภายในท้อง เวลามันปวดขึ้นมา ผมต้องร้องโอดโอย เหงื่อนี้แตก มือเท้าเย็น มันทรมานมาก ผมต้องนอนหยอดน้ำเกลือ เป็นเวลา 10 วัน น้ำหนักลดลงเกือบ 10 กิโลกรัมเพราะกินไม่ได้ เหม็นอาหารไปหมด ไม่มีอะไรอร่อยสักอย่าง เดือนมีนาคม 2546 ทั้งเดือน ผมจึงลาพักผ่อนและไม่ได้ทำงานทั้งเดือน    หมอวินิจฉัยโรค บอกว่า ผมเป็นโรคกระเพาะอักเสบ อาการก็คือ มีแผลอยู่ตอนล่างสุดของกระเพาะที่ต่อเชื่อมกับลำไส้อ่อน     ผมพยายามหาสาเหตุ เพราะหมอถามผมว่า ดื่มเหล้าหรือเปล่า ผมก็บอกว่าไม่ได้ดื่ม บุหรี่ก็ไม่ได้สูบ ก็มีอยู่อย่างเดียวคือ ผมดื่มกาแฟ มาก หมอบอกว่าคงจะมาจากสาเหตุจากการดื่มกาแฟมาก นี่เอง เพราะกาแฟ จะไปเร่งให้กรดในกระเพาะอาหารทำงานมาก ทำให้ไปกัดกระเพาะอาหาร จนเกิดเป็นแผล 
 
สาเหตุที่ผมต้องดื่มกาแฟอย่างหนักก็เพราะว่า   ผมต้องทำงานด้านการจัดรายการวิทยุอีกหน้าที่หนึ่ง นอกเหนือจากการทำข่าว เวลาที่ผมจัดรายการคือ เวลา 16.30-17.00 น. ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 23.00-24.00 น. จัดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ใช้ชื่อรายการว่า หนึ่งถ้วยกาแฟ แนวเพลงก็จะเป็นเพลงสากลเก่า ๆ หรือบางวันเบื่อๆ ก็จะเปิดเพลงลูกกรุงของ ชรินทร์ สุเทพ หรือ ธานินทร์  และทุกเช้าวันเสาร์เวลา 06.00-07.00 น. ก็จะเป็นรายการพูดคุยข่าว ผมทำอย่างนี้เป็นประจำ จึงทำให้ผมติดกาแฟ เพราะต้องจัดรายการที่ค่อนข้างดึก 
 
กาแฟที่ผมดื่มได้มาจาก ภรรยาของผมเอามาให้ เพราะเธอได้จากการไปทำข่าวสินค้า OTOP เป็นกาแฟสด ต้องมาต้มดื่มเอง ซึ่งผมก็มีเครื่องชงกาแฟพร้อมอยู่แล้ว   กาแฟสดที่ได้มาเวลาชงมันหอมหวนมาก จนต้องบอกว่าหลงใหล แต่ก็นั่นแหล่ะอะไรที่มากเกินไป ก็จะไม่ดี พี่เปิ้ล หรือพี่อักษรศรี ตำแหน่งผู้จัดรายการ 7 ซึ่งเป็นพี่ผู้หญิงที่ผมเคารพมาก บอกว่า แก้วกาแฟ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของผม ถ้าเอาน้ำร้อนชงอีกก็จะได้กาแฟอีกถ้วยหนึ่ง ซึ่งแสดงว่ามันเข้มมาก 
 
การได้ผู้สื่อข่าว 8 ว. ของผม ต้องเล่าผ่านกาแฟนี่แหล่ะครับ   เพราะต้องบอกว่า การได้เลื่อนตำแหน่งของผม ไม่ได้มีการวิ่งเต้น เพราะผมต้องนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล และต้องลาพักผ่อนอีก กว่าจะทำงาน ก็เป็นวันที่ 1 เมษายน  2546 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2546 คุณไฝ ผู้อำนวยการส่วนข่าวและรายการ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี โทรมาบอกผมเวลา ประมาณ 10 โมงเช้า บอกว่า “ดีใจด้วยนะ....คุณณรงค์   ” ผมก็ถามกลับไปว่า ดีใจอะไรเหรอครับ คุณไฝบอกว่า “ที่คุณสมัครไปในตำแหน่งผู้สื่อข่าว 8 ว. คุณได้รับคัดเลือก” พอผมฟัง แทบลมจับ เพราะผมพาลูกไปลงทะเบียนเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียนตะกั่วป่าเสนานุกูล ถามว่าดีใจไหม ก็ต้องบอกว่า ไม่ดีใจเลย เพราะอะไรเหรอครับ   หนึ่งผมต้องย้ายอีกแล้ว สองต้องหาที่เรียนให้ลูก สามต้องทำวิชาการ ที่เขาเรียกกันสั้น ๆ ว่า ทำ วอ นั่นเอง และต้องทำภายใน 1 เดือน ซะด้วย 3 อย่างนี้ผมก็ต้องปวดหัวแล้วครับ ในขณะที่ผมก็ชอบบรรยากาศของตะกั่วป่า ผมมีเพื่อน ผมมีแฟนเพลงของผม ผมมีเพื่อนที่ร่วมปั่นจักรยานเสือภูเขากับผม เวลามีงานก็พากันปั่นรอบจังหวัดพังงา ระยะทางเป็นร้อย ๆ กิโลเมตร มันสนุกมากครับ นี่ต้องมาย้ายอีกแล้ว แต่ก็ต้องไปเพราะความก้าวหน้าในชีวิตราชการ และผมก็ขอขอบคุณ คุณไฝ อีกครั้งหนึ่งที่โทรบอกผมเป็นคนแรก
 
วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 ผมก็ได้เดินทางมารับงานที่ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 สงขลา ซึ่งตั้งอยู่ภายใน สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 หาดใหญ่ หรือชื่อเดิมคือ ช่อง 10 หาดใหญ่ นั่นเอง รถที่ใช้ขนของมาที่หาดใหญ่ เป็นรถโบราณครับ ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ รู้สึกเสียดาย จริง ๆ เอาเป็นว่า เป็นรถยนต์กระบะ 6 ล้อ ขนาดใหญ่ เก๋งรถเป็นรุ่นโบราณ ผมจำยี่ห้อไม่ได้ แต่น่าจะเป็นยี่ห้อนิสสัน อายุของรถยนต์คันนี้ น่าจะมีอายุประมาณ 50 ปี ขึ้นไป และมีคันเดียวในตะกั่วป่า คนขับรถ บอกว่า เขาขับรถออกจากอำเภอตะกั่วป่า ตั้งแต่ ตี 2 ของเช้า วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 ที่มาแต่ไก่ยังไม่ตื่น เพราะเป็นรถรุ่นเก่า วิ่งเร็วทำเวลาไม่ได้  จึงต้องวิ่งกลางคืน ซึ่งจะทำให้เวลาวิ่งเครื่องไม่ร้อน   พวกเขามาถึงหาดใหญ่ เวลาประมาณ 10 โมงเช้า ในขณะที่ผมเพิ่งออกมาจากตะกั่วป่า ประมาณ 6 โมงเช้า ด้วยรถยนต์คู่ชีพของผมคือรถเก๋งรุ่นเก่า ยี่ห้อมิตซูบิชิ   อายุประมาณ 20 ปี    ผมมาพร้อมกับ ไอ้เล็ก ภารโรง ฟันหรอ คือทั้งปากมีฟัน2-3 เล่ม   มันบอกว่า อยากจะมาส่งผมที่หาดใหญ่ และจะได้ช่วยขนของให้ผมด้วย ผมมาถึงหาดใหญ่ เวลาประมาณ บ่าย 2 โมง เจ้าหน้าที่ ของสำนัก จัดให้ผมนอนอยู่บนชั้น 3 เจ้าของรถยนต์ที่ขนของมา ยังไม่ยอมเอาของลงจากรถ เพราะรู้ว่าจะต้องขนของขึ้นชั้น 3 พอผมมาถึง ทางภรรยาของเจ้าของรถก็บอกว่าจะไม่ขนของให้ ผมต้องบอกว่า เอาอย่างนี้ ผมจะจ่ายให้อีก 300 บาท ช่วยขนให้หน่อย นี่ขนาด สามีเป็นแฟนรายการวิทยุของผม ก็ต้องใช้เงินครับ ทุกอย่างก็เรียบร้อยครับ ส่วนไอ้เล็ก ผมให้ไป 500 บาท ขนของเสร็จ ไอ้เล็กก็เดินทางกลับพร้อมรถขนของ ทันที
 
และนั่นก็เป็น การเดินทางมาหาดใหญ่ ครั้งที่ 2 และถือว่ามาตั้งรกราก มาทำงานราชการ ในตำแหน่ง ผู้สื่อข่าว 8 ว. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ ก.พ.เป็นผู้กำหนด    ส่วนอาการเจ็บป่วยของผม ในเรื่องของแผลในกระเพาะอาหาร    อาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เวลาได้กลิ่นอาหาร ก็จะมีความรู้สึกเบื่อ ไม่อยากกินอาหาร แต่เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว อาหารที่หาดใหญ่ อร่อยมาก แถมยังมีราคาถูกกว่า ภูเก็ต และตะกั่วป่า   ถ้ามาหาดใหญ่ ก็มีร้านอาหารจีน ชื่อ ร้านเซาะฮึ้ง   ร้านศุภสารรังสรรค์ ร้านข้าวแกง ชื่อ ร้านอาหารคูเต่า ร้านอาหารมุสลิมชื่อร้านซัลมา ร้านไทยมาเลเซีย ร้านจาร์การ์ต้า ร้านอาหารอีสาน ก็มีครับ คือ ร้าน ศิริอีสาน อร่อยทั้งนั้นครับ 
 
* * * * * * * * * *

คลิ๊กนี้มีความหมาย

ณรงค์ ชื่นนิรันดร์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต 83000 : Webmaster by Narong Cheunniran : อีเมล์ :narongthai53@gmail.com